Charlotte Gray

Watched Charlotte Gray yesterday and I won't beat about the bush, I really love it. I simple love everything about it - the production, the acting - actors and actresses, scripts etc. 

The young Cate Blanchett was so beautiful (not that she isn't now) and enchanting, her acting is the best! 

It's certainly not an easy watching sort of film, I find it's sad, upsetting yet moving and interesting. It definitely sends me back to that time during the 
Second World War when so many sad and terrible things happened which I can't even imagine what it would be like to live through it. The good thing is, it's over and now just a memory. 

I don't intend to write down what happened in the film (which is based on the book by Sebastian Faulks, a British author) just to say Charlotte Gray signed up for a job with the SOE to help the French Resistance in order to find her lost sweetheart who was an airman and his plane was shot down in France. 

There she met Julien Levade, our handsome
French communist and so the story began....

Perhaps she shouldn't have gone there as she had warned. Perhaps she shouldn't have done what she did. She didn't save her boyfriend's life yet she put so many other lives in danger. But we all have to learn from our mistakes, don't we? and if she hadn't gone there then there would be no story to tell. I suppose life is worth a risk and I love people who are brave enough to follow their hearts.
When she was asked, "Of these three, which in your view the most important, faith, hope or love?"

I just knew she would answer, "Hope" as she hoped to find him and to save him and because she was young and in love. Let me tell you something, once you get to my age, you might choose faith for the answer.






I love films that give me something to think about after they've finished - story lingers in your thoughts and the characters seem to live on in your mind. Charlotte Gray is one of them.







Was she too beautiful for the post? Not that I have anything against beautiful women or handsome men but she certainly got herself noticed once she landed in rural France, She made many heads turned. Perhaps, in wartime when everything was so unstable - attention wasn't such a good thing to receive. She attracted attention from the young police officer (thank God he was nice) and that hideous, creepy school teacher as well as our handsome French communist, of course 😁😁😁which made some local woman i.e. that horrible, curtain twitcher, telephone operator jealous.

There are some points here that I've noticed and wanted to share:

- Rural France is so beautiful I wish I lived there but not during wartime, of course.
- Women during the war or at least in 
wartime films always well dressed and had slim figures. Perhaps they didn't have much to eat as foods were on ration and women then took pride on the way they look?
- Nazi soldiers were always horrible looking, callous and loud. Must be some sort of stereotype.


Apart from our lovely Cate Blanchett, I do recognise some actors who I feel
familiar to but I don't know their names which help to make the characters seem more real to me. It's very well cast. 
Although, I said it was a sad, upsetting film but please don't be put off. It's a beautiful film and must be comforting to know it has a happy ending 😁




As a rule, I don't watch any films that glorify war. I don't see anything good come from war at all and feel so sorry for people who have to live through it as well as people who have lost a lot from it. 
It must be a better way to settle conflicts than to make war - people just don't put enough effort into it.

Cate Blanchett as Charlotte Gray




If you've watched the film and liked it and wanted to comment or share your views, please feel free to so - no matter who you are and where in the world you live. 
If you haven't watched it then I would highly recommend this film. 





Billy Crudup as Julien Levade



I owe a lot to good films I watched, good books I read and many other nice things too. I work full-time but I spend my spare-time doing things I love as often  and as best as I can so your time and comments will really mean a lot and will really be appreciated. 😊 thank you!





มีความรู้สึกว่าถ้าไม่ได้เขียนถึงหนังเรื่องนี้เป็นภาษาไทยก็คงจะรู้สึกผิดมากๆ เพราะว่าชอบหนังเรื่องนี้มากๆ (เพิ่งดูไปเมื่อคืนนี้เอง) และเป็นหนังที่นำแสดงโดยเคท บลานเช้ท ซึ่งเป็นนักแสดงคนโปรด 
สำหรับใครก็ตามที่ยังไม่เคยได้ดูหนังเรื่องนี้นะคะ 
บล๊อกนี้อาจจะทำให้รู้สึกอยากดูขึ้นมาบ้าง พอดีว่าผู้เขียนได้มีโอกาสไปหาซื้อแผ่นดีวีดีมือสองราคาถูกจากร้านขายของการกุศล ก็เลยมีโอกาสได้ดูหนังหลากหลายทั้งเก่าและใหม่เพราะว่าชอบเป็นคนดูหนังอยู่แล้ว และที่บ้านไม่มีเน็ทฟริซ อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องชาร์ล๊อต์ เกรย์เป็นหนังที่สร้างตั้งแต่ต้นยุค ๒๐๐๐ ซึ่งตอนนั้นเคท บลานเชทท์ยังสาวยังสวยอยู่เลย (ตอนนี้ก็ยังสวยแต่ตอนนั้นสาว) 


หนังเริ่มต้นด้วยการที่นางเอกของเราชาร์ล๊อตต์ เกรย์เดินทางบนรถไฟเพื่อไปทำงานในลอนดอน และมี
ผู้โดยสารเป็นผู้ชายวัยกลางคนมาคุยด้วย และพบว่าเธอเคยเรียนอยู่ในปารีสและพูดเขียนภาษาฝรั่งเศสได้ เล่าแบบย่อๆ ว่าผู้ชายท่าทางแปลกๆ ดูเหมือนไม่มีมารยาทคนนี้แท้ที่จริงแล้วคือริชาร์ด แคนเนอลี่เป็นพวกแมวมองหาหนุ่มสาวที่พูดภาษาฝรั่งเศสได้ไปทำงานช่วยกิจสงครามในฝรั่งเศส และนางเอกของเราก็เข้าข่าย
ชาร์ล๊อตต์พบกับปีเตอร์ เกรเกอรี่นักบินหนุ่มรูปหล่อในงานปาร์ตี้ที่ริชาร์ดเชิญเธอไปร่วม แล้วทั้งคู่ก็ตก

หลุมรักซึ่งกันและกันอย่างเต็มเปา แต่ปีเตอร์ต้องไป
ทำสงคราม และเครื่องบินของเขาถูกยิงตกในชนบทของฝรั่งเศส 
ชาร์ล๊อตต์ตัดสินใจเข้าร่วมทำงานเป็นสายลับให้กับราชการอังกฤษ และถูกส่งตัวไปยังประเทศฝรั่งเศสเพื่อช่วยประสานงานกับกลุ่มต่อต้านนาซีของฝรั่งเศสแต่แท้ที่จริงแล้วเธอมีจุดมุ่งหมายที่จะไปสืบหา
ปีเตอร์ โดยใช้ชื่อปลอมว่าดอมมินิค นามสกุลอะไรสักอย่างก็จำไม่ได้แล้ว
เมื่อไปถึงฝรั่งเศสเธอก็ได้พบกับจูเลียน เลอวาดซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มผู้ต่อต้านนาซีหนุ่มสุดหล่อในหมู่บ้านนั้น 
เอาเป็นว่าจูเลี่ยนไม่ได้หล่อเหลาอะไรมากมาย แต่จากบุคลิกและมารยาทมันมาดพระเอกแท้ๆ คือทั้ง
ฉลาด นิสัยดี มีน้ำใจ กล้าหาญ อ่อนไหว มีการศึกษาอุดมการ์ณสูงอะไรมันจะสมบูรณ์แบบไปหมดได้อย่างนั้น อย่าว่าแต่ในเวลาสงครามเลย ทำไมเราไม่เดินๆ ไปเจอะเจอผู้ชายแบบนี้บ้างหว่า
ส่วนนางเอกของเราก็ส้วยสวย โผล่เข้าไปในเมืองเล็กๆของชนบทฝรั่งเศสแห่งนี้ผู้คน (โดยเฉพาะพวกผู้ชาย) ก็ตกตะลึงตาค้างกันเป็นแถว ทั้งตำรวจหนุ่ม และครูประถมเตี้ยๆ แก่ๆ ตาโตข้างหรี่ข้าง ดูรู้เลยว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับหมอนี้ 

อย่างไรก็ตามชาร์ล๊อตทำงานแรกที่ได้รับมอบหมายได้ไม่สำเร็จ แถมยังทำให้เพื่อนร่วมงานต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องเธอและถูกตำรวจจับไป 😢
จูเลียนพระเอกของเราก็เลยช่วยให้นางเอกหลบไปอยู่กับพ่อของเขาที่มีบ้านในชนบทหลังใหญ่เบ่อเริ้มให้ไปทำหน้าที่เป็นแม่บ้านและดูแลเด็กชายชาวยิวสองคนที่พ่อแม่ถูกจับตัวไป 
พ่อของพระเอกนำแสดงโดยนักแสดงที่แสดงเป็นดัมเบิ้ลดอร์ในหนังแฮรี่ พ๊อตเตอร์ ซึ่งจะว่าไปแล้วหนังเรื่องนี้มีนักแสดงหลายคนที่เราคุ้นหน้าแต่จำชื่อไม่ได้ ซึ่งก็ดีไปอย่างเพราะมันทำให้ตัวละครดูสมจริงสมจังเป็นตัวตนจริงๆ มากขึ้น  ยกตัวอย่างพระเอก
ของเราเป็นนักแสดงชาวอเมริกันซึ่งไปกูเกิ้ลดูแล้วก็เคยเล่นหนังดีๆ มาหลายเรื่อง (แต่ทำไมเราไม่เคยรู้จัก) และออกเดทกับดาราดังๆ ในยุคเก้าศูนย์อย่าง แคล์ร เดน และ นาโอมิ วัตตส์
ย้อนกลับมายังหนังของเราว่า นางเอกก็สืบทราบจากสปายจากอังกฤษอีกคนว่าแฟนของเธอเสียชีวิตแล้วมีรูปถ่ายยืนยันเป็นหลักฐาน นางเอกก็เสียใจไปเท่านั้นเอง 😓 ในขณะเดียวกันนางเอกก็ถูกจับตามองโดยเจ้าครูประถมที่เคยบอก ตามมาแอบดูนางเอกถึงที่บ้านพ่อพระเอก โอ้ยสะอิดสะเอียน แล้วพี่แกก็ได้ยินเสียงเด็ก ก็เลยรู้ว่าพ่อพระเอกแอบซ่อนเด็กชาวยิวไว้ในบ้าน พอได้ทีก็เดินตามนางเอกไป
ที่ทางเปลี่ยวๆ แล้วก็ข่มขู่นางเอกให้มีอะไรกับตัวเองเป็นการแลกเปลี่ยนที่จะเก็บความลับเกี่ยวกับเด็กชายชาวยิวสองคนนั้น ถึงตรงนี้อยากจะบอกว่าความสวยก็เป็นดาบสองคมจริงๆ นะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามที่บ้านเมืองมีแต่กฎหมู่ไม่มีกฎหมาย และถ้าเราเป็นคนสวยแล้วเป็นที่ชื่นชอบของคนดีๆ ที่เราอยากจะให้มาชื่นชมเราก็ไปอย่าง แต่เป็นที่ชื่นชมของพวกคนบ้าๆ บอๆ นี่ไม่ไหวเลย อย่างไรก็ตามนางเอกของเราใช่ไหวพริบปฏิภาณรอดตัวไปได้ และรีบไปเตือนพ่อพระเอกซึ่งก็รีบขับรถพาเด็กชายทั้งสองไปพักอยู่กับเพื่อนบ้านคนอื่น แต่แล้วพ่อพระเอกก็มาถูกจับตัวไป เพราะมีปู่ย่าเป็นชาวยิว แต่พระเอก







ไม่โดนรวบไปด้วย เพราะเขามีกฏว่ามีสายเลือดยิวกชั่วคนแล้วก็ถึงจะไม่นับ พระเอกไปฆ่าครูประถมคนนั้น (นับว่าเป็นฉากที่ดูน่ากลัวเพียงฉากเดียว แต่ก็อย่างว่าคนอย่างหมอนี่โรคจิต ปล่อยไว้ไม่ได้) แล้วพระเอกก็หนีไป ก่อนจะไปก็มาชวนนางเอกแต่นางเอกไม่ไปด้วย แล้วนางเอกก็กลับไปลอนดอนในที่สุด นางเอกพบว่าแฟนตัวเองยังไม่ตาย แต่ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก เข้าใจว่านางเอกรักพระเอก ไม่ได้รักแฟนเก่าแล้วล่ะมั้ง สงครามจบลง นางเอกนั่งรถไฟไปฝรั่งเศส ไปหาพระเอก เอ...เธอรู้ได้ยังไงไม่รู้นึ้อว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เป็นไปได้ว่าของ
อย่างนี้ต้องเสี่ยงดวง สรุปว่าแฮ้ปปี้ เอนดิ้งนะคะไม่ต้องเป็นกังวลไป และเล่ามาถึงตรงนี้ มันเป็นแค่เรื่องย่อที่ย่อมากๆ มีรายละเอียดอีกเยอะแยะเลยที่จะต้องไปเก็บเอาเองนะคะ หนังเรื่องนี้ทำดีมากๆ ทั้งโปรดั๊กชั่น การเขียนบท การถ่ายทำ การสรรหาตัวละคร การแสดง และสถานที่ อ้อ นางเอกของเราเป็นชาวสก๊อตนะคะ ไม่ใช่ชาวอังกฤษ ถ้าหากท่านใดที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว และอยากคุย อยากร่วมแสดงความคิดเห็นก็กรุณาหย่อนข้อความได้เลยนะคะ จะรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆค่ะ ท่านได้ที่ยังไม่ได้ชม และหาเวลาและโอกาสชมได้ก็อยากจะแนะนำนะคะ เป็นหนังประเภทที่ดูแล้วมีสาระ มีอะไรให้เก็บมาคิดมาพูดคุยหลังจากที่ดูจบค่ะ

All photographs are from the film, I do not own them






Comments

Popular posts from this blog

The silence of the lambs

Cousins 1989

Julie & Julia จูลี่และจูเลีย